~ Dragon Quest Reminiscence ~
~ Part VIII ~
ณ ปราสาทโทรเดน (Trodain) อันแสนยิ่งใหญ่...เป็นสถานที่ผนึกไว้ซึ่ง คทาต้องห้าม (The Sceptre) แต่หนหลัง ซึ่งกล่าวกันว่าหากใครมีไว้ในครอบครอง คนผู้นั้นจะได้พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหลือใครจะทัดเทียม
...ในค่ำคืนที่แสนมืดสนิท นักเวทย์ผู้ชั่วช้า โดลเมกัส (Dhoulmagus) ในคราบตัวตลกหน้าเปื้อนยิ้ม หัวเราะร่าให้กับความเป็นตายในโลกหล้า ได้ลอบฝ่าเข้าไปยังใจกลางห้องผนึก และทำลายสะกด ปลดคทาต้องสาปไปได้ในที่สุด !
พลังอำนาจอันน่าสะอิดสะเอียด พวยพุ่งออกมาครอบคลุมทั่วปราสาทโทรเดน...เถาวัลย์ยักษ์ใหญ่หยั่งรากลึกไปทุกตารางนิ้ว...พระราชาโทรเด้ (King Trode) ถูกสาปเป็นสัตว์ร้ายเตี้ยแคระน่าเกลียดน่ากลัว เจ้าหญิงมีเดีย (Medea) ผู้งดงามกลายร่างเป็นม้าสีขาวไร้ทางช่วยเหลือ...และทุกๆคนในปราสาท ก็ถูกสาปเป็นหินจนหมดสิ้น
...แต่น่าพิศวงอย่างที่สุด...มีหนึ่งชายหนุ่ม ทหารองครักษ์แห่งกษัตริย์โทรเดน กลับลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความสับสนวุ่นวายรอบด้าน โดยที่ไม่ได้มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ !
ณ ตอนนี้ คำถามที่ว่า เพราะอะไรเขาจึงยังปลอดภัยอยู่ได้ ก็คงไม่สำคัญเท่าที่ว่า ตัวตลกร้ายกับคทาต้องสาปนั้น กำลังมุ่งหน้าไปก่อการชั่วช้ายังแห่งหนไหนอีก? ราชาต้องสาป เจ้าหญิงในร่างเดรัจฉาน กับองครักษ์หนุ่ม ได้เริ่มต้นการเดินทาง เพื่อหยุดเปลวไฟแห่งความพินาศที่กำลังจะลุกลามไปสุดผืนดิน
1.
คณะเดินทางอันประกอบด้วยสมาชิกแปลกประหลาด ได้ตั้งต้นตามรอยเบาะแสของวายร้าย...แต่การเดินทางย่อมไม่ง่ายถึงเพียงนั้น เพราะอุปสรรคต่างๆมักวนเวียนเข้ามามิได้ขาด ไม่ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับภารกิจครั้งนี้หรือไม่ก็ตามที
ชายหนุ่มของเรา ได้พบเจอกับ ยังกัส (Yungus) จอมโจรร่างยักษ์กับขวานคู่ใจ ที่มายืนกร่าง คอยเก็บค่าผ่านทางจากผู้คนเดินทาง...หลังจากการทะเลาะชุลมุนกันพักใหญ่ ยังกัสพลาดท่าร่วงหล่นจากสะพานแขวน แต่ชายหนุ่มก็รีบช่วยเจ้าตัวขึ้นมาอย่างไม่รีรอ...อันธพาลร้าย ประทับใจในตัวพระเอกของเราเป็นอย่างมาก และตัดสินใจ ติดตามเขาไปจนชีวิตจะหาไม่ !
2.
ทว่า การไล่ตามโดยไร้เงื่อนงำ ย่อมเป็นไปอย่างล่าช้าไม่ทันการ...เมื่อเป้าหมายแรกของคณะเดินทาง-ปรมาจารย์จอมเวทย์ผู้เก่งกล้า มาสเตอร์ไลรัส (Master Rylus) ได้ถูกสังหารลงก่อนที่พวกเขาจะเข้าพบ...ทุกคนก็เกิดความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับใจ...หรือพวกตนจะทำได้เพียงแค่ตามหลังจอมวายร้ายอยู่หนึ่งก้าว?
ทุกๆครั้งที่มีทีท่าว่าจะไล่จับหางของตัวตลกได้...ทุกอย่างก็จะสายเกินแก้ไปเสมอ...เหลือเพียงซากปรักหักพัง และโศกนาฎกรรมที่ทิ้งไว้พร้อมเสียงเย้ยหยันเพียงเท่านั้น
3.
อย่างไรก็แล้ว ความกังวลไม่ช่วยอันใด ทุกคนดินทางมาถึงเมืองอเล็กซานเดรีย ก่อนจะได้พบเจอกับเจสซิก้า (Jessica) ลูกสาวของตระกูลมหาเศรษฐี...แต่ความประทับใจแรกพบ กลับไม่สู้ดีเท่าใดนัก...หญิงแกร่งผู้ไม่เคยยอมใคร ใช้เวทย์มนตร์ที่ตัวเองภูมิใจ จู่โจมเข้าหาชายหนุ่มโดยทันที !
...หลังจากใช้เวลาปรับความเข้าใจกันพักใหญ่ เรื่องราวแต่หนหลังก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น...เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ อลิสแตร์ (Alistair) พี่ชายของเจ้าหล่อน ได้ถูกสังหารอย่างลึกลับที่หอคอยประจำหมู่บ้าน...และไม่น่าแปลกใจเลยว่า ฆาตกรตัวจริง ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวตลกจากนรก โดลเมกัสนั่นเอง !!!
เจสซิก้ากล่าวขอโทษที่เข้าใจผิด คิดว่าชายหนุ่มของเราเกี่ยวข้องกับการตายของพี่ชาย และตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อตามล่าคนร้ายให้จงได้
...หลังจากนั้น เมื่อได้จับพลัดจับผลู ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคณะเดินทางของชายหนุ่ม และได้รับรู้เรื่องราวของกันและกันมากเข้า เจ้าหล่อนก็เกิดถูกชะตา และเห็นว่ามีเป้าหมายไม่แตกต่างกัน...เจสซิก้า ตัดสินใจขอร่วมเดินทางไปกับคณะราชาต้องสาปโดยไม่ลังเล !
4.
ทั้งหมดเดินทางมาถึงวิหารแห่งอัศวินเทมพลาร์ และได้พบเจอกับแองเจโล่ (Angelo / Kukule) อัศวินหนุ่มรูปงาม ผู้มาพร้อมรอยยิ้มหวาน กับผมสีเงินสะดุดตา
ความเจ้าชู้ชีกอ กะล่อนอย่างไม่เกรงใจใครจนน่าหวาดหวั่น ยังไม่แย่เท่ากับที่ว่า คณะเดินทางกลับถูกลากเข้ามาข้องเกี่ยวกับปัญหาภายในของวิหารเข้าอย่างเลี่ยงไม่ได้...จนถึงขั้นถูกใส่ความ ว่าคิดจะปองร้าย เอาชีวิตท่านเจ้าอาวาสฟรานซิสโก้ (Abbort Francisco) เสียด้วยซ้ำ !
5.
แองเจโล่แอบลอบเข้ามาช่วยเหลือทุกคนในภายหลัง ก่อนหัวเราะร่าอย่างอารมณืดี ขอโทษขอโพยที่ทำให้คณะเดินทางต้องลำบาก...แต่อย่างน้อย สิ่งที่ต้องบอกไว้ก็คือ...ตัวเขาเองเชื่อว่า แผนลอบสังหารท่านเจ้าอาวาส...มันเป็นเรื่องจริง และยังไม่น่าจะจบสิ้น
น่าเสียดาย ความกังวลของเทมพลาร์หนุ่ม กลับเป็นจริงในที่สุด...โดลเมกัส บุกทะลวงเข้าไปยังห้องพำนัก กำจัดผู้ขวางทาง และปลิดชีพท่านเจ้าต่อหน้าต่อตาทุกคน !
********
ด้วยความเศร้าโศกและโกรธแค้นของเหล่าผู้คนแห่งวิหารเทมพลาร์ แองเจโล่ได้รับมอบหมายให้ติดตามคณะเดินทางไป เพื่อตามล่าตัวตลกใจโฉด...ก่อนที่มันจะละเลงเส้นทางด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายไปมากกว่านี้
อัศวินหนุ่มรับคำสั่งอย่างว่าง่าย และขอร่วมติดตามมาโดยไม่ลังเล...ไม่แน่ว่าความผูกพันธ์ของท่านเจ้าที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก...จะลึกซึ้งกว่าที่พวกเราจะเข้าใจได้
6.
คณะเดินทางของราชาต้องสาป ค่อยๆเคลื่อนผ่านเมืองต่างๆไปตามลำดับ ได้ไปข้องเกี่ยว และช่วยสะสางปัญหาต่างๆมากมาย แต่ก็ยังไร้ซึ่งร่องรอยของตัวตลกโดลเมกัส
และแล้ว ข่าวคราวล่าสุดของเป้าหมายก็เข้ามาถึงหูของชายหนุ่ม ว่ามันได้ข้ามทะเลไปยังทวีปตะวันตกเป็นที่เรียบร้อย...หากแต่ ณ ขณะนี้ ไม่มีเรือใดจะแล่นไปยังจุดหมายได้...ผู้กล้าของเรา ค้นพบเพียงแค่ซากเรือแต่หนหลัง ซึ่งถูกทิ้งรกร้างอยู่กลางหุบเขาที่แห้งแล้งเพียงเท่านั้น
...จากการขุดค้นบันทึกเก่าแก่ ทั้งหมดได้พบกับ"ประตู"สู่โลกที่แตกต่าง...และเปิดเส้นทางไปสู่อาณาเขตแห่งชนเผ่ายุคโบราณ..โลกแห่ง มิติเงาจันทร์ !! (Moonshadow) ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากพลังอันแสนวิเศษ ปลุกเรียกความทรงจำที่ลางเลือนจากผืนมหาสมุทร นำพาเรือยักษ์กลับสู่น่านน้ำได้อีกครา !!
7.
การเดินทางตามล่ามารร้ายยังดำเนินต่อไป จนพบกับโศกนาฏกรรมครั้งล่าสุด ว่าด้วยคดีฆาตกรรมปริศนาของท่านโกลด์ดิ้ง (Master Golding) เจ้าของคาสิโนยักษ์ใหญ่ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของตัวเมืองต้องหยุดชะงักไป...ถึงแม้จะเจ็บใจที่หยุดยั้งไม่ทัน แต่ทั้งหมดก็ได้รู้ว่า เจ้าตัวการนั้น กบดานอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ในโบราณสถานแห่งความมืดนั่นเอง !!
ทั้งหมดเดินทางไปที่อาณาจักรอาร์กอเนีย เพื่อขอยืมกระจกวิเศษไปปัดเป่าบาเรียที่ปกคลุมโบราณสถานอยู่...กษัตริย์คลาเวียส (King clavius) ผู้อารี รู้สึกคุ้นเคย และถูกชะตากับพระเอกของเราอย่างน่าประหลาด...หากแต่ว่า ของสำคัญประจำเมือง ย่อมไม่อาจให้หยิบยืมได้โดยง่าย...ท่านจึงขอความร่วมมือ ให้เราช่วยลูกชายผู้อ่อนแอและไม่เอาไหน เจ้าชายชาร์มเลส (Prince Charmles) ให้ผ่านการทดสอบตามประเพณีของราชวงศ์ ด้วยการตามหาไอเทม "หัวใจแห่งอาร์กอน" จากกิ้งก่ายักษ์ มาทำเป็นแหวนประจำตัว เพื่อสัญลักษณ์การเป็นกษัตริย์ที่กล้าหาญและชาญฉลาดในอนาคตให้จงได้ !
...ใครจะไปคิดว่า ว่าที่คู่หมั้นของเจ้าหญิงมีเดีย จะเป็นเพียงชายอ้วนขี้ขลาดถึงเพียงนี้...อย่างไรก็ดี ทั้งหมดก็ได้ช่วยเหลือชาร์มเลสอย่างสุดกำลัง จนในที่สุด เจ้าชายก็สามารถผ่านการทดสอบได้อย่างทุลักทุเล
8.
ทั้งหมดใช้กระจกวิเศษ ฝ่าม่านแห่งความมืดเข้าไปถึงตัวโดลเมกัส...การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด...พลังของไม้คทากำลังพุ่งพล่าน ร่างของโดลเมกัสอัดแน่นไปด้วยพลัง...แต่ในท้ายที่สุด ผู้กล้าก็พิชิตตัวตลกแห่งนรกได้ในที่สุด !!!
ทุกคนกู่ร้องด้วยความยินดี ปีศาจร้ายพินาศไปแล้ว ! ทุกอย่างควรจะสิ้นสุดลงด้วยดี !...แต่บางอย่างยังดูไม่ถูกต้อง คำสาปของกษัตริย์โทรเด้ กับเจ้าหญิงมิเดีย ยังไม่เสื่อมไป...? ทุกคนเก็บคำถามไว้ในใจ ก่อนจะย้อนกลับไปพักผ่อนยังอาโกเนีย โดยไม่ลืมที่จะหยิบเอาไม้คทาต้องสาปไปด้วย
...หากมองย้อนกลับไปถึงตรงนี้ ก็อาจบอกได้ว่า นี่คงเป็นเหตุการณ์สุดท้าย ก่อนที่ทุกสิ่งจะก้าวเข้าสู่ช่วงจังหวะที่สายเกินแก้...และเป็นสัญญาณโหมโรง ถึงหายนะอันใหญ่หลวงที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น...
9.
จิตวิญญาณเก่าแก่ดวงหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด ได้มาบอกเล่าเรื่องราวกับพระเอกของเราโดยตรง...แม้ที่มาที่ไปทั้งหมด จะชัดเจนช้าเกินไปมากนัก...ว่าที่แท้แล้ว บ่อเกิดอันแสนมืดมิดและน่าพรั่นพรึงที่สุด หาใช่ตัวตลกโดลเมกัสไม่..แต่เป็น "ไม้คทาต้องสาป"ที่ครอบงำมารร้ายมาตั้งแต่ต้นต่างหาก !!!
ในอดีตกาลอันแสนไกล นักปราชญ์ทั้งเจ็ด ได้รวมพลังศักดิ์สิทธิ์ กักขังจอมมารผู้ชั่วช้าและทรงพลัง...เทพแห่งความมืด แรปโซน (Rhapthrone) ไว้ในไม้คทาที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์...และผนึกมันไว้ยังอาณาเขตที่ทรงพลานุภาพ
แต่มารร้ายนั้น แม้ตัวจะถูกจองจำ แต่ใจมิเคยหยุดห้วงคำนึงแค้น...เมื่อวันเวลาผ่านไป ผนึกเริ่มเสื่อมสภาพ จอมมารเริ่มค่อยๆมีพลังขึ้นมาอีกครา มันใช้ศาสตร์มืด ครอบงำร่างของคนที่อยู่ใกล้ ให้ทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่สุด คือการ "ตามสังหาร"ทายาทแห่งนักปราชญ์ทั้งเจ็ดลงให้หมดสิ้น...มาสเตอร์ไลรัส อาจารย์จอมเวทย์ /อลิสแตร์ พี่ชายของเจสซิก้า /ฟรานซิสโก้ ท่านเจ้าอาวาสของแองเจโล่ /โกลดิ้ง มหาเศรษฐีแห่งคาสิโน...ทั้งหมดทั้งปวง ล้วนเป็นผู้ครองสายเลือดเข้มข้นของนักปราชญ์มาโดยตรงทั้งสิ้น
...และเมื่อใดที่สายเลือดทั้งเจ็ดจบสิ้นลง...เมื่อนั้น พลังทั้งปวงก็จะหมดฤทธิ์ และเทพแห่งความมืดก็จะคืนชีพขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ !!!
10.
ไม้คทายังทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ มันครอบงำผู้อื่น คนแล้ว คนเล่า...ค่อยๆคืบคลานเข้าหาเป้าหมายทีละน้อย...ผ่านเจสซิก้า ผ่านเซอร์เลโอพาล (Sir Leopold) สุนัขตัวโปรดของจอมเวทย์ผู้จองหอง จนในที่สุด เดวิด (David) คนรับใช้ที่ไม่มีใครคาดคิด ว่าจะเป็นผู้สืบสายเลือดนักปราชญ์คนที่ห้า ก็ถูกสังหารลงต่อหน้าต่อตาทุกคน !
11.
...แม้จะดั้นด้นติดตามไปถึงดินแดนทางเหนืออันแสนหนาวเหน็บ แต่ทุกคนก็เสียทีมารร้ายอีกครา...ดอกเตอร์มาธาร์ (Marta) หมอยาผู้แสนอารีและมากความสามารถ ก็จบชีวิตลงเป็นคนที่หก...แรปโซนก็ยิ่งมีพลังที่กล้าแข็งขึ้นจนสัมผัสได้ !
12.
เพื่อที่จะไปขัดขวางแผนขั้นสุดท้ายของจอมมาร ในการที่จะสังหาร ท่านหัวหน้าคณะสงฆ์ ที่พำนักอยู่ที่มหาวิหารบนเวิ้งฟ้า...ดังนั้น หนทางเดียวที่ผู้กล้าจะไปหยุดยั้งซึ่งๆหน้าได้ ก็มีเพียงการบินสู่ฟากฟ้า โดยอาศัยความช่วยเหลือของวิหคศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน เอมไพเรีย (Empyria)
คณะเดินทางเข้าสู่โลกแห่งความมืด และช่วยเอมไพเรียให้หลุดจากแผนสกปรกของจอมมาร ก่อนที่จะได้รับจิตวิญญาณของลูกนกตัวน้อย มาใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไปยังทุกแห่งหน
...การปกป้องทายาทคนสุดท้าย เป็นไปอย่างยากลำบาก ทั้งเรื่องปัญหาจากจอมมารร้าย ปัญหาการเมืองภายในของศาสนจักร ปัญหาความทะเยอทะยานของคนหลายชนชั้น และบาดแผลฝังใจแต่หนหลังของแองเจโล่...ท้ายที่สุด ทุกอย่างก็ดำเนินไปยังทิศทางที่เลวร้ายที่สุด...ท่านหัวหน้าคณะสงฆ์จบสิ้นชีวิตลง ผนึกถูกปลดออก มหาวิหารแห่งความมืดโผทะยานขึ้นสู่น่านฟ้า เทพแห่งความมืดฟื้นคืนชีพขึ้นมา และโลกก็กำลังจะพินาศสิ้น !!!
13.
ทั้งหมดขึ้นขี่วิหคศักดิ์สิทธิ์แห่งทวยเทพ บินตรงไปยังวิหารต้องสาป และเข้าปะทะกับตัวแรปโซนในร่างตัวอ่อน ก่อนที่จะได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของพลังเวทย์ที่เหนือจะกล่าว จนต้องหลบลี้หนีตายมาตั้งหลักอีกครา
พลังของเทพเจ้าแห่งความมืด ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ เอมไพเรียได้มอบภารกิจสุดท้ายให้กับคณะผู้กล้า โดยการออกตามหา"ลูกแก้ววิเศษ" ที่สืบทอดพลังของนักปราชญ์ทั้งเจ็ดเอาไว้ เพื่อนำมันมาปลดผนึกม่านบาเรียที่คุ้มกันตัวแรปโซนไว้
14.
...การต่อสู้ครั้งสุดท้าย เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผู้กล้าบินเข้าเผชิญหน้ากับจอมมาร นักรบทั้งสี่ ใช้พลังของไม้เท้า...ซึ่งแต่เดิม เป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่รู้จักกันในชื่อ "ไม้เท้าแห่งวิหคเทพเจ้า"...สวดอ้อนวอน เรียกพลังจากนักปราชญ์ผู้ทรงพลานุภาพ
และด้วยความช่วยเหลือของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แต่หนหลัง...ม่านหมอกแห่งความมืดก็ถูกปัดเป่าออก...ทุกคนทุ่มพลังกันสุดแรงเกิด ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ต่อสู้กับมารร้ายจนสุดใจ
...
.....
.......
ศาสตราต่อศาสตรา เวทย์มนตร์ต่อเวทย์มนตร์ และในที่สุด ดาบสุดท้ายของผู้กล้าก็ตัดสินชี้ขาด...แรปโซนพินาศสิ้น! จอมมารถูกกำจัดลงได้ในที่สุด!
ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆกลับคืนสู่สภาพปกติ...คำสาปทั้งหลายก็ค่อยๆเสื่อมลง ปราสาทโทรเดนและผู้คน ค่อยๆคืนสภาพมาทีละน้อย
ทุกคนโห่ร้องด้วยความยินดี...สันติสุขที่ได้รับกลับคืนมานี้ จงคงอยู่ชั่วกาล !!!
~ Dragon Quest VIII ~
~ Fin ~
System
*: Welcome to the real world : หลังจากวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อน...ในที่สุด ดรากอน เควส 8 ก็เป็นภาคแรกของซีรีย์ ที่ทำกราฟฟิคเป็น 3D เต็มรูปแบบ ด้วยทีมงานคุณภาพ Level 5 ที่สามารถเนรมิตภาพลายเส้นของอาจารย์โทริยาม่า อากิระ ผู้ออกแบบตัวละคร ให้มาโลดแล่นอยู่บนโลกกว้างได้ในที่สุด
ถึงแม้จะมีแฟนหลายคนรู้สึกขัดใจกับการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เสียงฮือฮาอย่างล้นหลามตั้งแต่แรกเปิดตัว ล้วนเน้นไปในเชิงบวก ทั้งระบบที่ค่อยๆเผยออกมา ทั้งรูปแบบการนำเสนอ ประกอบกับภาษีของทีมงาน ทำให้ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะได้เล่นตัวเกมเต็มๆทั้งสิ้น
และเมื่อเกมออกวางจำหน่าย ก็ไม่ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ผิดหวัง ด้วยเพราะคุณภาพโดยรวมที่ทำได้สมศักดิ์ศรีซีรีย์เก่าแก่...ภาพอนิเมชันที่ถูกมอบชีวิตให้อย่างมีเสน่ห์ ,ฉากของโลกที่สวยงาม และกว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ ต้องใช้เวลาสำรวจกันข้ามวันข้ามคืน ,เควสยิบย่อยที่กระจายแทรกอยู่ทุกมุมเมือง ,ระบบใหม่ๆที่ทำให้เกมมีความลึกมากขึ้น และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ที่ต้องทึ่งว่า สามารถทำให้เกมที่เคยเข้าถึงยาก คนนอกไม่คิดจะสนใจ...ดูมีความเป็นสากลมากขึ้น หยิบจับมาเล่นมากขึ้น โดยไม่ทำลายบรรยากาศเกมเดิมๆและความรู้สึกของแฟนเก่าก่อน !
*: Old School, I miss you - แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ระบบเก่าก่อน ก็ยังพบเห็นได้ไม่ขาด ทั้งหน้าจอตั้งต้นของฉากต่อสู้ ที่เป็นศัตรูยืนเรียงแถวกันเป็นตับ (แต่คราวนี้ เราจะสามารถเลือกโจมตีศัตรูได้เป็นตัวๆไม่ต้องให้เกมแรนด้อมให้ ทั้งยังเห็นแอคชันการฟาดฟัน ปล่อยเวทย์มนตร์ใส่กันอย่างลุ้นระทึกอีกต่างหาก !) / คาสิโนแห่งความหวังและการล้มละลาย / ระบบกลางวันกลางคืนที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม และซุกซ่อนอีเวนท์ที่แตกต่างกันตามช่วงเวลา / ระบบการพูดคุยฟังคอมเมนท์จากเพื่อนฝูง / การสะสมเหรียญเล็ก ไว้แลกของรางวัลหายาก (ที่ภาคนี้เป็นเจ้าหญิงเหรียญเล็ก มาทำหน้าที่เฉพาะกิจ) / สมุดภาพมอนสเตอร์ ที่รวบรวมภาพและข้อมูลของศัตรูที่เราเคยต่อสู้ด้วย มาภาคนี้ จะมีบันทึกอาวุธ ไอเทม สูตรผสมของ และอื่นๆเข้าไปด้วย พร้อมกับมีคอมเมนท์จากคิงโทรเด้ วิจารณ์คุณภาพของการเดินทางให้เราฟังอย่างละเอียดอีกต่างหาก !
*: What's New - ระบบใหม่ถอดด้ามของภาคได้แก่
ระบบการผสมไอเทม ผ่านหม้อมหัศจรรย์ Alchemy Pot ของคิงโทรเด้ ซึ่งทำให้ตัวเราสามารถสร้างสรรค์อาวุธและไอเทมใหม่ๆมาได้จากวัตถุดับหลากหลาย
ระบบตามล่ามอนสเตอร์ - Monster scouting system ที่เราต้องคอยตามหามอนสเตอร์พิเศษ ที่จะเดินไปเดินมาให้เห็นตัวเป็นๆในฉากแผนที่ เมื่อเราเข้าไปต่อสู้จนชนะแล้ว ก็จะนำมอนสเตอร์นั้นๆมาใช้เข้าร่วมการประลองมอนสเตอร์ หรือเรียกมาใช้ในฉากต่อสู้ได้ถึงสามตัว โดยถ้าจัดทีมได้อย่างถูกต้อง ก็สามารถเรียกใช้ท่าประสานของมอนสเตอร์กลุ่มนั้นๆได้อีกต่างหาก !
ระบบแต้มความสามารถ - Skill point ที่เราจะได้รับมาเมื่อเลเวลอัพ สามารถนำมาใช้เลือกพัฒนา"สายความถนัด" ต่างๆได้ตามต้องการ ซึ่งแต่ละตัวละครก็จะมีสายการเรียนรู้ถึงห้าแบบที่ไม่เหมือนกัน อย่างเช่นพระเอกของเรา จะเรียนรู้สกิลสายดาบ สายความกล้า ยังกัสเรียนรู้สกิลสายขวาน สายมิตรภาพ เจสซิก้าเรียนรู้สกิลสายแซ่ สายสเน่ห์ เป็นต้น ก่อนที่จะเลือกมุ่งไปที่สายไหน จะต้องลองพิจารณาให้ดีเสียก่อน มิเช่นนั้นอาจจะไปไม่สุดทางซักสายเลยก็เป็นได้
ระบบความตึงเครียด - Tension เป็นคำสั่งใหม่ที่จะให้เรา(หรือศัตรู)รวบรวมพลังไว้ ก่อนที่จะโจมตีได้รุนแรงมากขึ้นในเทิร์นถัดไป...ยิ่งเราสะสมความเครียดไว้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งโจมตีศัตรูได้รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น และถ้าหากสะสมครบสี่ครั้ง ถึงจุดเดือดสูงสุด ที่เรียกว่า "Super High tension" ก็จงเตรียมพร้อมที่จะโจมตีอย่างอลังการงานสร้างได้เลย...ระบบ Tension นี้มีบทบาทสำคัญตลอดเกม เรียกได้ว่า ทั้งไอเทม สกิล และเทคนิคต่างๆ ที่ใช้เพิ่ม และลดความเครียดของกันและกัน เป็นปัจจัยเป็นตายในการต่อสู้ครั้งใหญ่ๆได้ทีเดียว !
*: Localization - ด้วยปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ของชื่อเกมส์ ทำให้ Dragon Quest ต้องใช้ชื่อในตลาดอเมริกาว่า Dragon Warrior มานมนาน จนถึงภาค 8 นี่เอง ที่สามารถนำตัวเกมที่เป็นสากลมากขึ้น มาขายในชื่อที่แท้จริงได้อย่างเต็มภาคภูมิ
เมื่อซีรีย์ดรากอน เควส (ที่ไม่เคยทำยอดขายนอกประเทศได้หรูหราเท่าในบ้านเกิด) เริ่มที่จะเปิดตลาดตะวันตกอย่างจริงจังอีกครั้ง องค์ประกอบหลายๆอย่างในเกม จึงต้องจับมาเปลี่ยนแปลง ให้ตรงกับจริตของกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น...ดังนั้น เอกลักษณ์เดิมๆที่เป็นจุดขายของซีรีย์เสมอมา อย่างเสียงเอฟเฟคเวลาใช้เวทย์มนตร์หรือเดินทาง /หน้าจอเมนูที่เป็นกรอบซ้อนๆกัน /มุขเฉพาะกลุ่ม หรือฉากล้อเลียนอื่นๆ ก็จำต้องตัดไปอย่างน่าเสียดาย (เอฟเฟค แท่ด แท่ด แท่ดเวลาเปลี่ยนฉาก ก็ถูกตัดไปด้วยข้อหาดูเชย ไม่เข้ากับรูปแบบนำเสนอ !)
อินเตอร์เฟซของเวอร์ชันอเมริกา ถูกทำให้ดูง่ายขึ้น มีเมนูให้เลือกเป็นเรื่องเป็นราว มีภาพประกอบไอเทมอย่างสวยงาม สามารถเห็นกราฟฟิคอาวุธและอุปกรณ์ป้องกันได้เป็นชิ้นเป็นอัน แม้แต่ฉากต่อสู้ ก็สามารถเห็นหน้าตาตัวละคร และแถบพลังที่ดูง่ายดายขึ้นอย่างมาก
********
ส่วนความเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ได้แก่ การเพิ่ม "เสียงพากย์" ตัวละครเข้าไปเป็นครั้งแรก...แน่นอนว่า สิ่งนี้เป็นตัวจุดชนวนความถกเถียงของแฟนๆสองกลุ่มอย่างรุนแรง ว่าด้วยการทำลายบรรยากาศของเกมอย่างสิ้นเชิง...แม้จะเป็นผู้เล่นยุคใหม่ก็ยังให้ความเห็นในเชิงลบเป็นส่วนมาก และเมื่อได้รับฟังตัวละครหลากสำเนียง ตามมุขสไตล์ดราเก้ ทั้งละติน บริติช อเมริกา และอื่นๆในรูปแบบเสียงเต็มๆ...ก็ทำเอาหลายคนปิดเสียงพากย์แทบไม่ทันกันเลยทีเดียว
ตบท้ายด้วยเรื่องของการเพิ่มอนิเมชันใหม่ๆเข้าไปในเกม ให้สอดคล้องกับเวทย์มนตร์ และท่าพิเศษใหม่ๆในเวอร์ขันอเมริกา...หนึ่งในนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงฉาก Super High tension ของพระเอกอย่างน่าตกตะลึง...ด้วยการถอดผ้าคลุมผมออก เห็นผมที่ลุกโชนซู่ซ่า ละม้ายคล้ายคลึงกับ ซูเปอร์ไซย่า จากซีรีย์ Dragon Ball ของอ.โทริยาม่า อากิระ ซึ่งกำลังดังเป็นพลุแตกอยู่ที่อเมริกาในขณะนั้นนั่นเอง !!! เป็นแฟนเซอร์วิสที่ทำเอาชาวญี่ปุ่นอ้าปากค้างจริงๆ !!
Famous Moment
*: Cliche - นอกจากอาวุธและไอเทมเจ้าประจำของซีรีย์แล้ว DQ8 ยังพยายามหยิบยกองค์ประกอบเก่าๆจากหลายภาคก่อนหน้า มาอ้างอิงถึงในภาคนี้ ให้ผู้เล่นพอยิ้มออก อย่าง "ขลุ่ยเสียงสะท้อน" ก็เป็นไอเทมเจ้าประจำ ที่ใช้ตามหาลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ / "เสือโบรองโก้ - Great sabrecat" หน้าตาคุ้นเคย ก็มาเป็นพาหนะให้เราเรียกมาขี่ได้ ช่วยในการท่องโลกได้รวดเร็วขึ้น / หรือวิหคอมตะเอมไพเรีย ก็มีการเฉลยในช่วงท้ายว่า บินมาจากมิติอื่น โดยชื่อที่เคยถูกเรียก ก็คือ "ลาเมีย" นั่นเอง
- Dragonvian Trial - หลังจากจบเกมหนึ่งรอบ ดันเจียนลับ บททดสอบแห่งมังกร ก็จะถูกปลดผนึกขึ้น เป็นทางเดินที่รวบรวมศัตรูระดับโหดหินไว้มากมาย ก่อนที่จะไปสู่หมู่บ้านแห่งชนเผ่ามังกร ที่เราจะได้พบกับความลับสุดยอด ที่จะไขปริศนาที่ค้างคาของเรื่องได้จนหมดเปลือก...ว่าด้วย"ชาติกำเนิด" ที่แท้จริงของตัวเอก ผู้ที่รอดพ้นจากคำสาปทั้งปวงมาได้โดยตลอดนั่นเอง
เจ้าหนูน้อยมุนจิ ที่ซุกอยู่ในกระเป๋าของเรามาตั้งแต่แรกเริ่ม...เผยร่างที่แท้จริงออกมา เป็นผู้อาวุโสแห่งชนเผ่ามังกร นามว่า เชน มุย ! (Chen Mui) และนำทางผู้กล้าของเราไปยังตัวหมู่บ้านโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง...ทว่า ที่หมู่บ้านแห่งนี้ กำลังเกิดวิกฤตใหญ่หลวง ด้วยการที่เทพมังกรผู้นำเผ่า - Dragovian Lord เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา ละทิ้งร่างมนุษย์ และคอยดูดพลังจากชาวเมืองทั้งหลาย เพื่อคงรูปลักษณ์ของมังกรยักษ์ไว้
พระเอกของเรา จึงต้องเข้าไปต่อสู้ จนท่านสงบลงได้ในทึ่สุด หมู่บ้านรอดพ้นจากภัยร้ายแรงไปได้ ท่านเชน มุยก็ได้โอกาส ส่งมอบ"แหวนอากอน" วงยักษ์ใหญ่อีกวงให้ พร้อมกับเล่าเรื่องทั้งหมดที่ปิดบังมาตลอด ให้กับผู้กล้าโดยทันที
...เมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้ ได้เกิดความรักต้องห้ามขึ้น ระหว่างหญิงสาวชนเผ่ามังกร กับชายหนุ่มชาวมนุษย์คนหนึ่ง ท่ามกลางเสียงทัดทานจากคนรอบข้าง...โดยท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็จำต้องแยกทางกัน พ่อของเจ้าหล่อนพาสาวน้อยกลับไปยังแผ่นดินเกิดโดยไม่รอช้า
ชายหนุ่มดั้นด้นเสี่ยงตายออกตามหาหญิงสาว จนจบชีวิตลงระหว่างเส้นทาง ตัวหญิงสาวเองก็เสียชีวิตตามไปอย่างเศร้าโศก ไม่นานนักหลังจากคลอดบุตรชายออกมา...พ่อของหญิงสาวที่เสียใจในการกระทำของตน ต่อสู้ในที่ประชุมอย่างสุดชีวิต เพื่อที่จะรับเลี้ยงเด็กน้อย...แต่สุดท้ายแล้ว สายเลือดต้องห้ามนั้น ก็จำต้องถูกลบความทรงจำทั้งหมด และขับไล่จากหมู่บ้านไปเสีย...พร้อมๆกับคุณปู่ที่ยอมกลายร่างเป็นหนูน้อย คอยแอบปกป้องอยู่เสมอมา...
ดังนั้นแล้ว เด็กน้อยคนนั้น-ผู้กล้า-พระเอกของเรา จึงสืบทอดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่ามังกรมาครึ่งหนึ่งจากผู้เป็นแม่...ส่วนผู้เป็นพ่อนั้น ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกไปจากเจ้าชายอันดับหนึ่ง...พี่แท้ๆของกษัตริย์คลาเวียส แห่งเมืองอากอเนีย...เป็นผู้ครอบครองแหวนอากอน และเป็นผู้สมควรสืบราชบัลลังค์ที่แท้จริงนั่นเอง !!
*: Ultimate Boss - หากกลับไปพบเทพมังกรอีกครั้ง ก็จะได้ต่อสู้กับร่างขั้นกว่าของท่านเทพ ที่แข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ มากถึง 7 ร่าง! โดยหากชนะแต่ละร่าง ก็สามารถเลือกขอรางวัลสุดยอดได้ทีละชิ้น ซึ่งหากเรารวบรวมเซตอุปกรณ์มังกร อันประกอบด้วยดาบ โล่ห์ เกราะ หมวกจนครบ ก็สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ชุดของพระเอก ให้เป็น"ชุดดราโกเวี่ยน"อันศักดิ์สิทธิ์
*: True Ending - ในคืนก่อนวันแต่งงานของเจ้าหญิงมิเดีย หลังจากการพูดคุยอย่างเปิดอกกับกษัตริย์คลาเวียส...ชายหนุ่มก็ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ที่จะขอทำตามสิทธิ และหัวใจของตน
งานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นแล้ว...เจ้าชายชาร์มเลสกำลังรอเจ้าสาวอย่างกระวนกระวาย แต่ผู้ที่ปรากฎตัวขึ้นมาก่อน กลับเป็นผู้กล้าของเราเสียนี่ เจ้าชายไม่พอใจอย่างมาก ที่เราจะอ้างสิทธิ์ในการเคียงคู่กับเจ้าหญิง ไม่ว่าจะมีเรื่องสายเลือด พันธะ และการต่อสู้ปกป้องเจ้าหญิงมานานแค่ไหนก็ตามที ! ชาร์มเลสจะไม่ยกเจ้าหญิงให้ใครทั้งนั้น !!
บทสรุปของเรื่อง จบลงที่กษัตริย์คลาเวียส ตบหัวสั่งสอนลูกชายจอมโกง และแสนขี้ขลาดของตัวเอง พร้อมกับอนุญาตอย่างเป็นทางการ มอบสิทธิ์ที่จะปกป้อง และอยู่ครองคู่กับเจ้าหญิงมิเดียให้ชายหนุ่ม ผู้เป็นหลานแท้ๆของตนนั่นเอง...
เจ้าหญิงมิเดียร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้มเหลือจะกล่าว ชายหนุ่มจูงมือเจ้าสาวออกมานอกอาคาร ภายใต้เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีจากเพื่อนฝูง และคนใกล้ชิด
...การเดินทางอันแสนยาวนาน ของคณะราชาผู้ถูกสาป มาถึงบทสรุปสุดท้าย พร้อมกับรอยยิ้มอันยั่งยืน...
...
...
credit : Zieghart
|