“อะไรที่เราไม่รู้ก็จะไม่ทำให้เราเจ็บ” อาจเป็นประโยคที่ใช้ได้กับหลายเรื่องหลายคน แต่สำหรับ “การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุแล้วหากเราไม่รู้ ก็จะยิ่งทำให้เราเจ็บ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนกันยายนที่จะมีคนเกษียณอายุกันแล้ว ยิ่งพบว่าหลายคนเริ่มรู้สึกเจ็บปวดและเป็นกังวลแล้วว่า แล้วจะอยู่อย่างมั่นคงและเป็นสุขหรือไม่อย่างไรเพราะยังต้องใช้เงินไปอีกนาน โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลที่เราจำเป็นต้องใช้เพิ่มแต่ไม่มีโอกาสหาเงินหรืออาจหาเงินได้ไม่เท่าเดิมอีกแล้ว
ดังนั้นเราควรทำความเข้าใจและรู้จักวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณไว้แต่เนิ่นๆ อย่าคิดว่าอีกนาน เพราะเริ่มต้นได้ “ยิ่งเร็วยิ่งดี” สมมุติว่าตอนนี้อายุ 20 ปี เริ่มมีรายได้เป็นของตนเองและเริ่มออมเงินได้ เราก็ควรกำหนดเป้าหมายในการออมเงินไว้เลยว่า เพื่อไว้ซื้อสินทรัพย์ต่างๆ เช่น รถยนต์ บ้าน หรือ เก็บเงินเพื่อการศึกษาต่อในขั้นสูงขึ้น หรือเพื่อเป็นทุนในการทำอาชีพส่วนตัว หรือเพื่อการลงทุนให้เงินงอกเงยเพื่อให้ชีวิตตอนเกษียณไปแล้วสบาย จะเห็นได้ว่าเป้าหมายก็ต่างกันไปในแต่ละคน แล้วทำอย่างไรถึงจะไปสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้
ในวัยเริ่มต้นทำงานนี้ เป็นวัยที่ไม่มีภาระมากนัก มีเวลาในการเก็บออมและหารายได้อีกนานในอนาคต ซึ่งหากเราเริ่มต้นออมอย่างจริงจังในวัยนี้ โดยออมเงินเพียง 10% ของรายได้ทั้งหมดไปเรื่อยๆ และเมื่อออมเงินได้จำนวนหนึ่ง ก็อาจจะแบ่งเงินจำนวนนี้ไปลงทุนเพื่อให้เกิดดอกผลที่สูงกว่าการฝากธนาคาร และด้วยการที่อยู่ในวัยเริ่มต้นของการทำงานนี้เองจึงสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูงกว่าคนในวัยอื่นๆ การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงนั้นมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน
ดังนั้นคนวัยนี้ก็อาจจะนำ 90% ของเงินออมที่มีอยู่ไปลงทุนในหุ้นได้ แต่ไม่ใช่ว่าซื้อหุ้นแบบเก็งกำไร แต่เป็นการลงทุนในหุ้นระยะยาว เพราะมีการศึกษามาแล้วว่าในระยะยาวการลงทุนในหุ้นสามัญจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ส่วนอีก 10% ที่เหลือก็ลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าและได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนเช่น พันธบัตร หรือหุ้นกู้ของบริษัทที่มั่นคง มีความปลอดภัยของเงินต้นหรืออาจอยู่ในรูปของการฝากเงินกับธนาคารก็ได้
การจัดสรรเงินออมแบบนี้ นอกจากจะช่วยให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นแล้วยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วย เงินของเรา ชีวิตของเรา ดังนั้นต้องฉลาดใช้ ฉลาดออมและฉลาดลงทุนเพื่อตัวของตัวเราเองและเป็นธรรมดาว่าชีวิตใคร ใครก็ต้องกำหนดเอาเอง |